ภาษา คำพูด คำจา แต่ละพื้นที่ แต่ละภูมิภาคย่อมมีที่มาและพัฒนาไปตามกาลเวลา ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป จึงไม่น่าแปลกอะไรที่แต่ปีจะมีคำใหม่ๆ เกิดขึ้นมามากมาย เพื่อใช้ในการสื่อสารของบุคคลแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะวัยรุ่น วัยโจ๋ ที่มักจะมีคำพูดแปลกๆ แหวกแนวมากมายในการพูดจาสื่อสารกัน ที่ได้ยินกันบ่อยๆ อาทิ ชิวชิว กิ๋บเก๋ และอีกหลายคำมากมาย
ไม่เพียงคำพูดที่วัยรุ่น วัยโจ๋ ใช้สื่อสารกันในสังคมเท่านั้น แต่ในรั้วมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็มีคำพูดเฉพาะหลากหลายคำ ที่บรรดาปัญญาชนของแต่ละมหาวิทยาลัยใช้สื่อสารกัน อาทิ เด็กซิล, พี่รหัส, พี่เทก, เด็กปีเปอร์, บางคำอาจจะมีความหมายในการสื่อสารตรงกันในหลายมหาวิทยาลัย แต่ก็มีคำเฉพาะของบางมหาวิทยาลัย ซึ่งพอไล่เลียงได้ดังนี้
เริ่มต้นที่ภาคเหนือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือ มช. "นิว" ซีเนียร์คณะการสื่อสารมวลชน บอกว่า คำพูดที่นักศึกษาพูดกันนั้นทุกคนจะรับรู้ด้วยความหมายเดียวกัน อย่างคำว่า "พี่รหัส" ทุกมหาวิทยาลัยจะใช้เหมือนกัน คือ รุ่นพี่ที่ดูแลรุ่นน้องที่เข้ามาใหม่ หรือคำว่า "เปอร์" จะสื่อความหมายถึง เด็กที่เรียนไม่จบภายใน 4 ปี จะถูกเรียกว่า เป็นเด็กปีเปอร์ ส่วนคำว่า "โปร" จะหมายถึง อาการแอบชอบระหว่างนักศึกษาด้วยกัน อย่างรุ่นน้องแอบชอบรุ่นพี่ ก็จะพูดว่า "แกๆ ฉันโปรพี่คนนั้นจังเลย" คำว่า "แอด" จะใช้พูดในการลงทะเบียน ด้วยคำพูดว่า ไปแอดวิชาภาษาอังกฤษมาหรือยัง?
ไม่หมดเพียงเท่านี้ นิวบอกด้วยว่า ยังมีคำว่า "หลีดป่วง" จะหมายถึง เชียร์ลีดเดอร์ที่หน้าตาไม่สวยแต่มาเต้นแบบขำๆ สร้างความสนุกสนาน ส่วน "เวิ้นเว้อ" จะหมายถึง คนที่ชอบทำตัวชักช้า ไม่ทันกิน ไม่ได้เรื่อง คำว่า "ยม" จะใช้สื่อถึงความรู้สึกน่าเบื่อ อย่างประโยคที่พูดว่า "วันนี้แกทำตัวยมจังเลย"
ข้ามมาที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างมหาวิทยาลัยมหาสารคาม "หมิว"เยาวลักษณ์ โบราณมูล ซีเนียร์คณะวิทยาการสารสนเทศ วัย 22 ปี บอกว่า คำพูดที่ใช้สื่อสารกันในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะเป็นภาษาถิ่น อย่างคำว่า "บักคัก" จะสื่อถึงความแน่นอน มากมาย จำนวนมาก หรือคำว่า "เจ๋อ" สื่อถึงคนที่ยุ่งวุ่นวาย เสือก อย่างคำพูดว่า "วันนี้แกทำตัวเจ๋อจังนะ" คำว่า "งึด" จะสื่อถึงความเหลือเชื่อ "หน้ายาก" จะสื่อถึงคนที่หน้าบูดหน้าบึ้ง "ผู้ฮ้าย" จะสื่อถึงคนที่ไม่สวยไม่หล่อ "โปร" จะสื่อถึงคนที่เก่ง ส่วน "เทพ" จะสื่อถึง คนที่เก่งสุดยอด เก่งที่สุด ส่วนอาการของการกิน การดื่ม จะใช้คำว่า "สายแข็ง" จะสื่อถึงคนที่กินเก่งกินได้มากๆ
ส่วนภาคกลาง "คริส" คริสมาส สนธิมูล นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เล่าว่า คำพูดที่นักศึกษาพูดกันก็จะมีคำว่า "สุดพลัง" จะหมายถึงทำเต็มที่แข่งขันอย่างจริงจัง "องค์ลง" จะสื่อถึงคนที่อารมณ์แปรปรวน อย่างคำพูดว่า "วันนี้ดูแกองค์ลงจังเลย" ส่วน "ขี้ตุ๊บ" จะหมายถึงคนที่ขี้โม้ ซึ่งจะพูดว่า "นักศึกษาคนนั้นขี้ตุ๊บมากเลย" ในส่วนของผิวพรรณหน้าตาจะมีคำว่า "เกรน" จะหมายถึงผิวหน้าที่ขรุขระ จะพูดว่า "ดูหน้าสาวคนนั้นซิ ดูเกรนมากเลย" ส่วนคำว่า "อุ่นไจ๋กิน" จะหมายถึง พวกตลกบริโภค ส่วนคำที่เกี่ยวกับความรักจะมีคำว่า "เชอรี่" จะหมายถึง ผู้หญิงที่ชอบเกย์ ซึ่งกลุ่มผู้หญิงจะใช้พูดว่า "ชอบแบบเชอรี่เหรอ" หรือ คำว่า "อดัมส์" จะหมายถึงผู้ชายที่ชอบทอม ซึ่งจะพูดกันว่า "ชอบแนวอดัมส์ใช่ไหม"
ล่องใต้ไปที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ "โอ๋" นักศึกษาคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 เปิดเผยว่า คำพูดที่ใช้สื่อสารกันก็มีคำว่า "ชับ" หมายถึง ถนัด คำพูดจะพูดว่า "เรารู้สึกชับกับงานพรีเซ้นต์มาก" ส่วนคำว่า "ชง" จะหมายถึงพวกที่ทำตัวติงต๊อง "หนุน" จะหมายถึงคนที่มีลักษณะอ้วนๆ เจ้าเนื้อ เวลาที่นักศึกษาผู้หญิงแซวกันก็จะพูดว่า "แหมนับวันเธอดูจะหนุนขึ้นเรื่อยๆ นะ" นอกจากนี้ยังมีคำว่า "อยู่ไม่รู้หวัน" หมายถึงอยู่ไม่รู้กาละเทศะ ก็จะใช้พูดจาประชดประชันว่า "แหมเธออยู่ไม่รู้หวันอีกแล้วนะ" ส่วนคำว่า "ชุบ" หมายถึงการจับจองสิ่งต่างๆ อย่างเวลาไปทานข้าวกลางวันก็จะพูดว่า "โต๊ะนี้ชุบแล้ว"
หลากหลายคำที่ใช้สื่อความหมายกันในรั้วมหาวิทยาลัย บ่งบอกถึงความงดงามและพัฒนาการทางภาษาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องผิด หากแต่ว่าสิ่งสำคัญเยาวชนคนรุ่นใหม่ต้องไม่ลืมที่จะอนุรักษ์ และใช้สื่อสารให้ถูกต้องตามหลักของภาษา
Credit FW Mail